ผมเคยเชื่อว่า เรื่องฝันเกิดขึ้นเฉพาะคนจิตอ่อนกับผู้หญิงเท่านั้น ส่วนคนที่จิตใจเข้มแข็ง โดยเฉพาะผู้ชายอกสามศอกย่อมจะไม่ฝันร้ายเด็ดขาด แม้จะฝันถึงเรื่องสยองและเห็นภูตผีปีศาจก็ไม่เกิดความหวาดกลัว
ปรากฏว่าผมเข้าใจผิดครับ!
ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็มีสิทธิ์จะฝันร้ายพอๆ กัน ความฝันที่ทำให้เราสะดุ้งผวาจนตกใจตื่นด้วยเหงื่อโซมกาย หัวใจเต้นแรงเหมือนจะพังทลายออกมานอก จดจำภาพในฝันได้ติดหูติดตา
หลายๆ ครั้งก็หวาดกลัวจนตัวสั่นเทา ปากคอแห้งผาก...อดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่เห็นและได้ยินมาหยกๆ นั้น มันเป็นแค่ความฝันเพ้อเจ้อ ไร้สาระ หรือว่าเป็นความจริงกันแน่หนอ?
ผมได้ประสบกับเรื่องสยองเมื่อปีกลายนี้เอง...
ในบริษัทการเงินแห่งหนึ่งที่ถนนอโศก ผมมีเพื่อนที่สนิทสนมกันจริงๆอยู่สองคน...ชนิดที่เรียกว่า "เพื่อนซี้" ได้เต็มปาก นิสัยใจคอคล้ายๆ กันตรงที่มองโลกในแง่ดี จิตใจผ่องใสเบิกบาน ชอบเที่ยวเตร่พอหอมปากหอมคอ เรื่องครอบครัวไม่ต้องเป็นห่วงเพราะหนุ่มวัยใกล้สามสิบยังไม่มีห่วงผูกคอ
เงินทองไม่ค่อยมีปัญหาหรอกครับ แทบจะเรียกว่าเป็นกระเป๋าเดียวกันก็ยังได้ ใครขาดแคลนก็ได้เพื่อนช่วยหยิบยื่นให้ ไม่มีการสนใจว่าใครจะให้ใครไปเท่าไหร่ คิดดูซีครับว่าพวกเรารักใคร่กันขนาดไหน?
กินด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน ถ้าอดก็อดด้วยกัน...วันดีคืนดีก็เกือบตายด้วยกัน!
มาโนชที่ทางฐานะทางบ้านล่ำซำกว่าเพื่อน ลูกคนรวย ว่างั้นเถอะ! พ่อซื้อรถเก๋งใหม่เอี่ยมให้ตั้งแต่เข้าทำงานที่นี่เมื่อ 2-3 ปีก่อน ส่วนผมกับวิทยาเรียกว่าชนชั้นกลางละมั้ง เพราะไม่มีรถเก๋ง ไม่ถึงกับต้องโหนรถเมล์ แต่อาศัยแท็กซี่ทั้งไปทำงานและกลับบ้าน
คืนไหนไปเที่ยวเตร่ด้วยกัน ถ้าไม่เมามากนัก มาโนชจะเป็นฝ่ายขับรถไปส่งเพื่อนแถวคลองเตยกับกล้วยน้ำไท ตัวเองอยู่บางนาโน่น แต่คืนไหนค่อนข้างหนัก ผมกับวิทยาก็จะขึ้นแท็กซี่กลับกันเอง
วันหนึ่งเกิดเหตุร้าย...หลังจากเที่ยวผับตั้งแต่เย็นจนดึก เมาเพียบไปตามๆกัน...มาโนชขอตัวขับรถกลับบ้านเลย เพราะพรุ่งนี้ต้องมาทำงานแต่เช้า แต่เรามารู้ข่าววันรุ่งขึ้นว่ามาโนชหลับใน พุ่งรถชนเสาไฟฟ้าแหลกยับ ตัวเองถูกอัดกับพวงมาลัยตายคาที่
ผมไม่เคยร้องไห้มานมนาน แต่ก็ต้องเสียน้ำตาเมื่อไปงานศพของเพื่อนรัก วิทยาเองก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่เช่นกัน
มีคนถามไถ่เราว่าเพื่อนมาเยี่ยมหรือเปล่า? คำตอบก็คือเปล่าเลย คงขึ้นสวรรค์ไปแล้วละมั้ง? จนกระทั่งหนึ่งเดือนผ่านไป มาโนชก็กลับมา!
ผมฝันเห็นเพื่อนบ่อยๆ บางทีก็ติดๆ กัน 2-3 คืน ในฝันนั้น มาโนชดูสดใสร่าเริงเหมือนเดิม เราพูดคุยกันด้วยเรื่องนั้นเรื่องนี้เหมือนเมื่อครั้งที่เขายังมีชีวิตอยู่...ผมรู้ดีว่าเพื่อนตายไปแล้ว แต่ไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อยนิด
เมื่อเล่าให้วิทยาฟัง สังเกตว่าเขาหน้าซีดเผือด กลืนน้ำลาย บอกว่ามาโนชก็มาเข้าฝันเช่นกัน ในสภาพปกติเหมือนตอนมีชีวิต...แต่เมื่อเราถามเพื่อนคนอื่นๆ กลับได้รับคำตอบว่าไม่มีใครฝันถึงมาโนชเลย
จนกระทั่งถึงคืนสุดท้าย!!
ผมฝันว่านั่งรถไปกับมาโนชตอนกลางคืน ไม่รู้ว่าเป็นรถเก๋งหรือรถทัวร์กันแน่? แต่เห็นเราสองคนนั่งคู่กันทางด้านขวา มาโนชนั่งติดหน้าต่างเหม่อมองดูเงาไม้ดำทะมึนข้างทางผ่านไปลิ่วๆ ลมหนาวพัดอู้เข้ามาจนเย็นสะท้าน ก่อนจะหันมาถามยิ้มๆ ว่า...ไปด้วยกันมั้ย?
ในฝันนั้นผมรู้แน่ว่ามาโนชตายไปแล้วเหมือนทุกครั้ง ผมก็ตอบว่า...ไม่ละเพื่อน! ยังไม่ไปหรอก...มาโนชก็พยักหน้า หันไปมองนอกหน้าต่างตามเดิม ไม่หันมาชวนซ้ำหรือเซ้าซี้อีกต่อไป..
วันรุ่งขึ้น ผมเล่าความฝันให้วิทยาฟัง เขาก็พยักหน้าช้าๆ นัยน์ตาเลื่อนลอยไป พูดเสียงแหบเครือว่า...ฝันเห็นมาโนชมาชวนแบบเดียวกัน แต่เขารับปากว่าตกลง ไปไหนก็ไปกัน!
สาบานได้ว่าตอนนั้นผมยังหัวเราะ...เออ! ไปเที่ยวไหนก็มาเล่าให้ฟังด้วยละกันนะ
ผมนึกว่ามาโนชจะชวนเพื่อนไปดูอะไรแปลกๆ แต่แล้วก็ไม่มีโอกาสได้รู้เลยครับ เพราะคืนนั้นวิทยาเข้านอนแล้วไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกเลย...ใครๆ ก็พูดกันว่าหัวใจวาย แต่ผมเชื่อมั่นว่ามาโนชมารับวิทยาไปสู่ปรโลกตามที่ตกลงกันไว้
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น